ฮันนีมูน อิตาลี "Rome" แบบเซอร์ๆ แต่คลาสสิค: ตอน 1
Share
การเดินทางครั้งนี้มันเริ่มต้นด้วยคำถามง่ายๆ ที่เราสองคนคุยกันว่าหากมีโอกาสเพียงครั้งเดียว ที่จะได้เดินทางท่องเที่ยวไปต่างบ้านต่างเมือง ที่ไหนล่ะคือที่แห่งนั้น...
"โรม" เป็นคำตอบเดียว และคำตอบสุดท้ายที่เรามีเหมือนกัน
และไม่รู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนต้นคิดไอ้ประโยคที่ว่า "ถนนทุกสายมุ่งสู่โรม" (All roads lead to Rome) แต่สำหรับเราแล้วคิดว่าใครหลายต่อหลายคนคงอยากจะมุ่งหน้าสู่โรมกันทั้งนั้น แม้ว่าถนนทุกสายจะไม่ได้มุ่งสู่โรมจริงๆก็ตามทีเถอะ
เราเริ่มการเดินทางครั้งนี้ที่ มิลาน แต่จริงๆแล้วเรียกว่าเป็นทางผ่านน่าจะเหมาะกว่า เพราะกว่าจะถึงมิลานก็เกือบเย็นย่ำแล้ว เที่ยวนี้เราวางแผนการเดินทางโดยรถไฟมุ่งหน้าสู่ โรม เมืองหลวงแห่งอาณาจักรโรมันในอดีต
จากสนามบินมิลาน สามารถเดินทางโดยรถบัสเข้าสู่ตัวเมืองได้ง่ายๆ เพียงแค่เดินออกมาหน้าสนามบินก็จะเห็นคิวรถบัสเข้าเมืองจอดอยู่เลย ใช้เวลาน่าจะราวๆหนึ่งชั่งโมงจนมาถึงสถานีรถไฟ...อันว่าสถานีรถไฟแห่งมิลานนี้ยังคงมนต์ขลังแบบเก่าๆ มีกลิ่นอายความสกปรกปนอยู่หน่อยๆ แต่ถือเป็นเสน่ห์ตามสไตล์อิตาลี แบบเซอร์ๆแต่คลาสสิค
วกกลับไปตอนต้นที่บอกไว้ว่าเราตั้งใจเดินทางด้วยรถไฟจากมิลานมุ่งหน้าสู่โรม ดังนั้นจุดหมายแรกจึงต้องมาตั้งต้นที่หัวลำโพงมิลาน โดยจะฝากกระเป๋าไว้ที่นี่ก่อน แล้วไปเดินทอดน่องในเมือง จากนั้นจึงจะกลับมารับกระเป๋าก่อนขึ้นรถไฟ
เราเข้าเมืองด้วยรถไฟใต้ดินไปโผล่ที่สถานี ดูโอโม่...เดินโผล่พ้นพื้นดินขึ้นไป สิ่งแรกที่มองเห็นตรงหน้าเลยคือโบสถ์ดูโอโม่ขนาดใหญ่ยักษ์ แต่ยังประกอบไปด้วยศิลปแบบอลังการ เค้าว่ากันว่ามียอดโบสต์อยู่ประมาณ 135 ยอด ใช้เวลาในการสร้างก็ 700 ปี...ครับ น่าทึ่งไม๊ล่ะครับ 700ปีเลยนะกว่าจะได้แบบที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
ตั้งต้นกันที่นี่ก่อน แต่ก็ตระการตาไม่หยอกกับดูโอโม่
มาถึงมิลาน ก็ยังหาเกาลัคกินได้
ส่วนบริเวณจตุรัสดูโอโม่นั้นเองยังเป็นที่ตั้งของภัตตาคาร และย่านชอปปิ้งแบรนด์เนม เรียกว่าถ้ามามิลาน มาแวะชมที่นี่ที่เดียวก็คุ้มไปเกือบครึ่ง
เราใช่เวลาเดินเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ซักพัก จนเกิดไอเดียว่าน่าจะไปเยียม โบสถ์ซานต้ามาริอา (Santa Maria)ด้วย ซึ่งเป็นที่อยู่ของ The last supper ถ้าใครเคยอ่านหรือดูหนังเรื่อง Davinci code ก็คงจะร้องอ๋อขึ้นมาทันที...แต่เมื่องด้วยเวลาที่ไม่เหมาะสมอย่างไม่น่าให้อภัย จึงต้องแลกมาด้วยการหมดโอกาสที่จะได้ชมภาพเขียนระดับโลกชิ้นนี้ แต่ไหนๆก็แวะมาถึงหน้าบ้านแล้วก็คงต้องขอถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกซะหน่อย
ที่นี่แหละบ้านของรูปวาดบนปูนเปียก the last supper...ที่ทำให้ภาพติดทนนานซึมลึกเข้าไปในผนัง
ตอนนี้เรากลับมาอยู่หน้าดูโอโม่อีกครั้ง ลงนั่งที่ตีนบันได หน้าดูโอโม่ งัดเอาแซนวิชทำเองง่ายๆออกมากินป้องกันการหิวก่อนเดินทางต่อไปสถานีรถไฟ เพื่อจับรถไฟต่อไปยัง โรม
ที่นั่งในห้องโดยสารในรถไฟเป็นแบบหนึ่งห้องมีทั้งหมด 6 ที่นั่งโดยแบ่งเป็นแถวละ 3 ที่นั่งแล้วหันหน้าเข้าหากันกับอีก 3 ที่นั่งที่เหลือ
ตอนแรกที่รถไฟออกจากชานชาลา มีผู้โดยสารเพียงแค่ 4 คนเท่านั้น แต่เมื่อรถแล่นออกไป ออกไป และออกไปก็ค่อยๆมีผู้โดยสารทยอยขึ้นรถมาจนกระทั่งเต็มตู้ทั้ง6ที่นั่น และปัญหาที่ตามต่อมาคือ เมื่อเราและคนอื่นๆเริ่มง่วง ระยะยืดขาจะเริ่มมีที่จำกัด พื้นที่พลิกตัวและวางหัวจะจำกัดไว้แค่ที่นั่งของเราเท่านั้น และนั่นจะทำให้การนอนทุลักทุเล รู้สึกตัวบ่อยและเหนื่อยมากเมื่อถึงปลายทาง (จริงๆระหว่างทางก็เหนื่อย)...เราพลิกตัวแล้วนอนต่อ เพื่อจะรู้สึกตัวเพื่อตื่นขึ้นมาพลิกตัวใหม่เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนถึงเช้าที่ โรม
รูปสลักหินอ่อน โมเสสกับบัญญัติสิบประการ ฝีมือมิเคลันเกโล ณ โบสถ์ ซานปิเอโตร อิน วินโคลี
หลังจากลงรถไฟแบบหน้าง่วงๆ สิ่งต่อไปที่เราต้องทำคือการซื้อบัตรโรมพาส ซึ่งหาได้ที่สำนักงานในสถานีรถไฟแหละ แต่ต้องตั้งใจหาหน่อย...อันว่าบัตรโรมพาสนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นของผู้ที่จะแวะเวียนมาเที่ยวโรมเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณมีโรมพาสนี้แล้ว คุณจะรู้สึกเหมือนมีสิทธิพิเศษ แม้เงินในกระเป๋าจะมีน้อยก็ตามที สิทธิพิเศษที่ว่าคือ คุณจะไม่ต้องเสียเวลาไปกับการต่อคิวยาวๆเข้าพิพิทธภัณฑ์ หรือสถานที่สำคัญในโรม รวมถึงยังสามารถใช้ขึ้นรถเมล์ และรถไฟใต้ดินได้แบบ อันลิมิต อีกด้วย ซึ่งไอ้โรมพาสที่ว่า ก็จะมีหลายแบบทั้ง 3วัน 5วัน 7วัน แล้วแต่เราว่าจะเลือกแบบไหนที่เหมาะกับวันเวลาที่เราจะอยู่ที่นี่...เตรียมพร้อมทุกอย่างเรียบร้อยแล้วจากนี้ก็เข้าที่พักที่เราจองไว้ห่างจากสถานีรถไฟราวๆเดินสิบนาทีเห็นจะได้
หลักจากเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่าแล้วเราก็เตรียมตัวนอน...ใช่ครับ อ่านไม่ผิดหรอก นอนจริงๆนั่นแหละ เพราะไอ้พิษสงของรถไฟที่เรากึ่งนั่งกึ่งนอนมาทั้งคืนตอนนี้มันออกฤทธิ์แล้ว...แต่ไม่นานครับ เรานอนไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ เพื่อเตรีบมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินทางในมหานครแห่งนี้
ข้อแนะนำสำหรับการเดินท่องเที่ยวในโรมคือให้เตรียมขวดน้ำเอาไว้ ไม่ต้องไปเสียสตางค์สำหรับซื้อน้ำ เนื่องจากบริเวณจุดท่องเที่ยวใหญ่ๆจะมีบริการน้ำดื่มให้เราเติมได้ฟรีอยู่เสมอ
จุดหมายต่อไปถือเป็นไฮท์ไลท์ของวันนี้เลย ลองเดาดูสิครับว่าเป็นที่ไหน......ถูกต้องครับ โคลอสเซี่ยมนั่นแหละ ...Next >>
|